วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กาหยู เคี้ยวแล้ว ได้ประโยชน์!!


กาหยู

หากใครได้แวะเวียนไป จังหวัดระนอง คงได้เห็นหน้าค่าตา กับของฝากประจำจังหวัดอีกหนึ่งชนิดนั่นก็คือ “กาหยู”หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั่นเอง ในช่วงที่มีโอกาสไปตรวจโรงงานผลิตอาหารในจังหวัดระนองอยู่บ่อย ๆ ผู้เขียนก็อดแปลกใจไม่ได้กับประโยคของคนระนองที่ว่า “อย่าลืมซื้อกาหยูกลับกรุงเทพฯนะ” เพราะได้ยินปุ๊บก็ได้แต่งงว่า เจ้ากาหยูที่ว่า คืออะไร สุดท้ายพอได้เจอ ก็ถึงบางอ้อ ว่ามันคือ มะม่วงหิมพานต์นั่นเอง สัปดาห์ก่อนมีเพื่อนชาวระนองหอบหิ้วมาฝาก เลยนำประโยชน์จากเจ้ากาหยู หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้มาฝากให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันค่ะ
กาหยู หรือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew nut) เป็นพืชตระกูลเดียวกับมะม่วง ผลคล้ายรูปไต เปลือกแข็ง มีเมล็ดอยู่ภายใน คั่วแล้วกินได้ ยางเป็นพิษ ก้านผลอวบน้ำ ลักษณะคล้ายผลชมพู่ คนมักเข้าใจว่าก้านผลนี้คือ ผล ส่วนผลรูปคล้ายรูปไตคือ เม็ด มีถิ่นกำเนิดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบลาซิล และมีการนำมาปลูกในประเทศไทย ปลูกมากในจังหวัดระนอง และทางใต้ของประเทศ ส่วนใหญ่มักนำเมล็ดมารับประทานกันอย่างแพร่หลาย และจริงๆ แล้ว ชาวบ้านแถบนั้นยังบริโภค ทั้งใบอ่อน และผลของมะม่วงหิมพานต์กันอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้มีมากมาย นั่นเพราะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร โปรตีน ไขมัน (กรดไขมันอิ่มตัว) วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม สังกะสี ครบทั้งห้าหมู่แบบนี้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์จึงเป็นอาหารขบเคี้ยวอีกหนึ่งชนิดที่ควรหยิบหามาทานกันบ้าง มาดูประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์กันดีกว่าค่ะ
1. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ดี ทั้งลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
2.เม็ดมะม่วงหิมพานต์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
3.เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สามารถช่วยรักษารูปร่างให้สมส่วนได้ เพราะมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้การรับประทานถั่วเป็นประจำจะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย (ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
4.เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารพิวรีนน้อยหรือไม่มีเลย
5.เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ นิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของประเทศอินเดีย เวียดนาม และบราซิลอีกด้วย (90% ของการส่งออกทั่วโลกมาจากสามประเทศนี้)
6.ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ทั้งผลดิบและผลสุก
7.ผลห่ามมะม่วงหิมพานต์ ทางภาคใต้ของไทยนิยมนำใช้ทำแกงส้ม หรือใช้ยำ
8.มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ผลดิบใช้รับประทานร่วมกับเกลือเป็นของกินเล่นได้
9.ผลสุกสามารถนำไปหมักทำไวน์ ทำน้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ได้
10.เมล็ด สามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว อบเนย อบน้ำผึ้ง เป็นต้น และสามารถนำไปประกอบอาหารได้ เมนูเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แหนมผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหู้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมจีนผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
11.ใบอ่อน ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือ แกงเผ็ด ลาบ ก้อย ขนมจีนน้ำยาได้
12.ใบแก่สามารถนำมาขยี้และใช้สีฟันได้
13.ประโยชน์ของเปลือกเมล็ดสกัดเป็นน้ำมัน ในด้านการแพทย์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเหน็บชา วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคเลือดคั่ง โรคเรื้อน โรคผิวหนัง หูด ตาปลา และส้นเท้าแตกได้
14.ประโยชน์ของเปลือกเมล็ด ก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านความงามได้ เช่น ใช้ลอกหน้าที่เกิดจากการตกกระ (แต่อาจส่งผลเสียได้) เป็นต้น
15.ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น แยม ผลไม้กวน เครื่องดื่ม น้ำมะม่วงหิมพานต์ ไวน์ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
16.ผลของมะม่วงหิมพานต์มีกลิ่นต่างๆ ถึง 20 กลิ่น จึงสามารถนำมาสกัดทำเป็นหัวน้ำหอมได้
คำแนะนำในการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์
เนื่องจากเม็ดมะม่วงมะม่วงหิมพานต์ จะมีน้ำมันมากและให้พลังงานสูง ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือครั้งหนึ่งไม่เกิน 10 เม็ด (ยิ่งนำไปอบหรือทอดเนยก็จะมีพลังงานมากขึ้นไปอีก)
ใช่ว่าถั่วลิสงจะเป็นถั่วที่มีสารอะฟลาท็อกซินอย่างเดียว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ก็อาจมีปนเปื้อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกบริโภคเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่สะอาด ปิดมิดชิด ไม่เก็บไว้นาน มีเลขทะเบียนอย. ที่ถูกต้อง หรือผ่านการผลิตด้วยระบบ GMP/HACCP
สำหรับบางรายที่รับประทานเม็ดมะม่วงพิมพานต์แล้วเกิดอาการแพ้ โดยมีอาการดังนี้ เช่น มีอาการบวมที่ใบหน้าและคอ มีผดผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง หายใจลำบาก คลื่นไส้อาเจียนหรือท้องเสีย คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย จึงควรใส่ใจสิ่งที่เราจะทานเข้าไปกันสักนิดนะคะ อะไรที่มากเกินความพอดี ย่อมนำมาซึ่งสิ่งไม่พึงประสงค์ เช่น น้ำหนักตัว และโรคร้ายต่างๆ อย่าลืมประโยคสำคัญที่ว่า You are what you eat กันล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น